วันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558


รายวิชา นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางการศึกษา
เรียน  อาจารย์ภัทรดร  จั้นวันดี
ดิฉัน นางสาวลลิตา  เลิศฤทธิ์เรืองสิน
รหัส  58723713209  หมู่เรียนที่ 2

สรุปเนื้อหารายวิชา  นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางการศึกษา
ประจำวันที่ 24 ตุลาคม 2558

กลุ่มของดิฉันได้เลือกศึกษาสภาพปัญหาของโรงเรียนบ้านนาคอย อ.นาหว้า จ.นครพนม ดังนี้ค่ะ

ชื่อโรงเรียน 
โรงเรียนบ้านนาคอย 
บริบทของโรงเรียน 
ตั้งอยู่เลขที่  42  หมู่ที่ 5  ถนน  นาหว้า - ดอนเชียงบาน  ตำบล  นางัว  อำเภอ  นาหว้า  จังหวัด  นครพนม  รหัสไปรษณีย์  48180 
โทรศัพท์ 042-535965  โทรสาร   -
e – mail  nakoy@nkp2.net Website   http://nakoy.nkp2.net
สังกัด  สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครพนม  เขต 2เปิดทำการสอนใน 2 ระดับ คือ
   1. ระดับปฐมวัย (อนุบาล 1- อนุบาล 2)
   2. ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน (ประถมศึกษาปีที่ 1 - มัธยมศึกษาปีที่ 3)
       - จัดการศึกษาระดับก่อนประถมศึกษา   ให้ได้รับความพร้อมในพัฒนาการทุกๆด้าน  ทั้งทางด้านร่างกาย  อารมณ์  จิตใจ  สังคม และสติปัญญา  โดยรับนักเรียนที่มีอายุ 4 ปีบริบูรณ์ (ย่างเข้าปีที่ 5)
       - จัดการศึกษาภาคบังคับระดับประถมศึกษาถึงมัธยมศึกษาตอนต้น  ให้แก่เด็กที่อายุในเกณฑ์การศึกษาภาคบังคับทุกคนในเขตบริการของโรงเรียนได้เข้าเรียนทุกคน ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ  พ.ศ. 2546 และพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2551



ประวัติโรงเรียน
       โรงเรียนบ้านนาคอย  ก่อตั้งเมื่อวันที่ มีนาคม  2482  เดิมมีชื่อว่า โรงเรียนนาคอยจตุรงค์ราษฎร์รังสรรค์”  ครูใหญ่คนแรกคือ นายบง   สิทธิ เดิมเป็น โรงเรียนศาลาวัด  ต่อมาได้ย้ายมาตั้งโรงเรียนในที่ดินราษฎร บริจาคในเนื้อที่  17   ไร่  งาน  20  ตารางวา   พ.. 2498  ราษฎรได้ประชุมตกลงสร้างอาคารเรียนชั่วคราว  1  หลัง    คิดเป็นเงินงบประมาณ 23,650   บาท  .. 2518  ได้รับงบประมาณสร้างอาคารเรียนแบบ ป.1 ฉ  จำนวน ห้องเรียน  งบประมาณ  90,000  บาท   พ.. 2524  ได้รับงบประมาณสร้างอาคารเรียนแบบ ป.1 ฉ  จำนวน  3  ห้องเรียน  งบประมาณ  360,000  บาท พ.. 2527  ได้รับงบประมาณสร้างอาคารเรียนแบบ  สปช. 105/26  จำนวน  ห้องเรียน งบประมาณ  880,000  บาท
.. 2537  ได้รับงบประมาณสร้างอาคารเรียนแบบ  สปช. 105/29  จำนวน  ห้องเรียน และต่อเติม  ห้องเรียน 
   ปัจจุบัน  มีอาคารเรียน  หลัง อาคารประกอบ   1   หลัง  บ้านพักครู    หลัง  ใช้งานได้   หลัง  ชำรุด  หลัง  และสนามกีฬา  สนาม  มีคณะกรรมการสถานศึกษาจำนวน  9   คน
มีนายประคอง   อุ่มอาษา  เป็นประธานกรรมการ  และนางอรวรรนี  ไชยปัญหา  เป็นเลขานุการโดยตำแหน่ง




ความเป็นมา 
     - เป็นโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา ในปีการศึกษา  2535
     - เป็นโรงเรียนปฏิรูปการศึกษา ในปีงบประมาณ 2540
     - เป็นโรงเรียนคุณภาพของกลุ่มโรงเรียนนางัว ในปี 2544

อาณาเขต
     ทิศเหนือ                         จดชุมชน
     ทิศใต้                               จดถนน รพช. นาคอย-สามัคคี
     ทิศตะวันออก จดทางหลวงแผ่นดิน สกลนคร-นาหว้า
     ทิศตะวันตก                   จดทุ่งนา



สีประจำโรงเรียน
สีส้ม-เขียว

เหตุผลที่ศึกษาโรงเรียนนี้    
1.   เป็นจุดศูนย์กลางในการเดินทางของสมาชิกในกลุ่ม
2.   เป็นโรงเรียนที่มีสภาพปัญหาที่น่าสนใจ
3.   เป็นสภาพปัญหาที่เป็นประโยชน์ต่อโรงเรียนอื่นๆที่จะศึกษา
4.   เป็นสภาพปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน
5.   เป็นโรงเรียนที่ผู้อำนวยการมีวิสัยทัศน์ที่ดีและกว้างไกลเกี่ยวกับปัญหา
6.   เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับทุกๆโรงเรียน
                7.   โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนขยายโอกาสจึงมีปัญหาทั้งครูและนักเรียน




ผลสำเร็จปัญหาในการจัดการเรียนการสอน    
1.   ส่งครูที่จบมาไม่ตรงสายเข้าอบรม/พัฒนาความสามารถของครู
2.   จ้างครูชาวต่างชาติมาสอนในรายวิชาภาษาอังกฤษ
3.   สนับสนุนให้บุคลากรทางการศึกษาไปศึกษาต่อทางด้านวิชาชีพครู
4.   ผู้บริหารติดตามประเมินผลของครูที่ไม่จบตรงสายอยู่สม่ำเสมอ


ปัญหาในการจัดการเรียนการสอน
- นักเรียนขาดทักษะกระบวนการ( ขาดการคิดวิเคราะห์  สังเคราะห์ ) ไม่สามารถบูรณาการเชื่อมโยงไปยังเนื้อหาสาระ อื่น ๆได้  
- ปัญหาความไม่ต่อเนื่องของการเรียนการสอน 
- ปัญหาครอบครัวของเด็กแต่ละคน  ที่บางครอบครัวไม่ค่อยให้ความสำคัญของการศึกษา 

ปัญหาด้านการเรียนการสอน
1. การขาดสื่อการเรียนการสอนที่ทันสมัย
2. การขาดเทคโนโลยีทางด้านการศึกษา
3. การขาดด้านงบประมาณ
4. การขาดบุคคลากรทางด้านการศึกษาที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
5. ปัญหาขาดแคลนครู
6. มีสื่อหรือสิ่งเร้าที่ทำให้เกิดการยั่วยุไปในทางที่ผิดๆ
7. ปัญหาทางด้านครอบครัว
8. ปัญหาการพัฒนาคุณภาพในการจัดการศึกษา


ข้อมูลจากโรงเรียนที่ศึกษา   
                มีครูทั้งหมด 16 คนรวมผู้บริหาร  มีบุคลากร ประมาน 5 คน  รวมภารโรง ภารโรงใช้งบจ้างจากเขตพื้นที่ 1 คน จัดการศึกษา 3 ระดับ  คือ  ระดับก่อนประถมศึกษา  ระดับประถมศึกษา  และระดับมัธยมศึกษา
เป็นโรงเรียนที่จัดการศึกษา แบบขยายโอกาส มีนักเรียนทั้งหมด 196 คน ผู้ปกครองมีอาชีพเกษตรกรรม ส่วนมากนักเรียนจะอยู่กับตายาย  พ่อแม่จะเข้าไปทำงานที่กรุงเทพฯซะเป็นส่วนใหญ่ ยาเสพติดไม่มีปัญหา  แต่มีการเกี่ยวข้องกับบุหรี่เล็กน้อย มีเจ้าหน้าที่จากทางอำเภอ ทางโรงพยาบาลมาตรวจ นักเรียนชั้น ป.6 ถึงชั้น ม.3 ก็ไม่พบเจอสารเสพติดใดๆ
การเรียนการสอนนั้นโรงเรียนบ้านนาคอยได้เป็นโรงเรียนแกนนำการจัดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน หรือ Brain-Based Learning เป็นแกนนำตั้งปี 2557 ที่ได้ไปเป็นแกนนำสาเหตุมาจากนักเรียนเพราะว่านักเรียนได้คะแนน NT ต่ำ เขตก็เลยให้เป็นแกนนำ นำวิธีการสอนแบบนี้มาทดลอง  NT  ก็คือผลการสอบที่เค้าด้านภาษา  ด้านการคิดคำนวณ  และการคิดอย่างมีเหตุผล    การนำรูปแบบการเรียนการสอนแบบ Brain-Based Learning  มาใช้ เต็มรูปแบบในระดับชั้น อนุบาล 1 และป.1 และ ป.2 ส่วนระดับชั้นอื่นๆก็นำแนวคิดนี้ไปสอนในลักษณะบูรณาการกับการสอนแบบอื่น เช่น การสอนโดยใช้โครงงาน  เป็นต้น จากการที่เราได้นำการเรียนการสอนแบบ Brain-Based Learning มาใช้ นักเรียนของเราในระดับ ชั้นอนุบาล 1 2 เค้าก็จะมีการเตรียมความพร้อม  ส่วน ป.1 นั้นเค้าจะอ่านได้และมีพัฒนาการที่ดีกว่าเดิม  ส่วนนักเรียนที่เป็นเด็ก LD  มีสมาธิสั้นแต่สามารถทำแบบฝึกหัดได้เร็วกว่าเพื่อนในห้อง  การเรียนการสอนแบบ Brain-Based Learning  นั้น ในการจัดโรงเรียนเราจะใช้งบประมาณจากเขตพื้นที่การศึกษาและในอีกส่วนก็จะใช้งบของโรงเรียนเอง  ซึ่งแนวคิดในการจัดการเรียนการสอนแบบ  BBL  นั้น มีความเชื่อว่า ถ้านักเรียนได้มีการขยับกาย ได้วิ่ง ได้มุด ได้ลอด ได้กระโดด สมองก็พร้อมที่จะทำงาน เมื่อใส่อะไรเข้าไปสมองก็พร้อมที่จะรับ

สรุปข้อมูลจากที่ได้สัมภาษณ์ผู้บริหารสถานศึกษาของสภาพปัญหาของสถานศึกษาแห่งนี้ ดังนี้
1. บุคลากรของสถานศึกษาส่วนมากจบไม่ตรงกลุ่มสาระ
2. บุคลากรมีความรู้ความสามารถในการเรียนการสอนไม่เพียงพอ
3. นักเรียนบางส่วนอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้
4. เวลาของบประมาณขอได้ยาก
5. สื่อการเรียนการสอนไม่เพียงพอและไม่ทันสมัย
6. ห้องเรียนไม่เพียงพอต่อจำนวนนักเรียน
7. เนื่องจากโรงเรียนเป็นโรงเรียนขยายโอกาส  นักเรียนแต่ละช่วงชั้นห่างกันจึงเกิดปัญหา
   ในหลาย ๆด้าน

ปัญหาหรืออุปสรรคในการดำเนินงานของสถานศึกษา
1.  งบประมาณ
2.  บุคลากรของโรงเรียน
3.  ชุมชนบางส่วน
4.  เด็กนักเรียน
5.  สื่อการเรียนการสอน
6.  เทคโนโลยีทางการศึกษา
7.  อุปกรณ์ทางสำนักงาน

รายชื่อสมาชิกในกลุ่ม 
 1.  นางสาวชนธัญ  ไชยอวน             หน้าที่รับผิดชอบ   รวบรวมข้อมูล, ถ่ายภาพ
 2.  นางสาวทิพกัญญา  ไชยปัญหา    หน้าที่รับผิดชอบ   แกะข้อมูลจากวีดีโอ, รวบรวมข้อมูล
 3.  นางสาวณัฐรดา  คำแพงเมือง      หน้าที่รับผิดชอบ   ผู้สัมภาษณ์และเตรียมข้อมูล, รวบรวมข้อมูล
 4.  นางสาวลลิตา  เลิศฤทธิ์เรืองสิน  หน้าที่รับผิดชอบ   แกะข้อมูลจากวีดีโอ, รวบรวมข้อมูล
 5.  นางสาวพินธุอร  ทุมตาลเดี่ยว      หน้าที่รับผิดชอบ   ถ่ายภาพ, รวบรวมข้อมูล
 6.  นายไพฑูรย์  โคตรชมภู                หน้าที่รับผิดชอบ   ผู้สัมภาษณ์, รวบรวมข้อมูล







วันพุธที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2558

รายวิชา นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางการศึกษา
เรียน  อาจารย์ภัทรดร  จั้นวันดี
ดิฉัน นางสาวลลิตา  เลิศฤทธิ์เรืองสิน
รหัส  58723713209  หมู่เรียนที่ 2

สรุปเนื้อหารายวิชา  นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางการศึกษา
ประจำวันที่ 17 ตุลาคม 2558

                                                                  การจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21
                     ทักษะเพื่อการดำรงชีวิตในศตวรรษที่ 21 ดังนี้ สาระวิชาหลัก (Core Subjects) ประกอบด้วย ภาษาแม่ และภาษาสำคัญของโลก ศิลปะ คณิตศาสตร์ การปกครองและหน้าที่พลเมือง เศรษฐศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์  โดยวิชาแกนหลักนี้จะนำมาสู่การกำหนดเป็นกรอบแนวคิดและยุทธศาสตร์สำคัญ ต่อการจัดการเรียนรู้ในเนื้อหา        เชิงสหวิทยาการ (Interdisciplinary) หรือหัวข้อสำหรับ ศตวรรษที่ 21 โดยการส่งเสริมความเข้าใจในเนื้อหาวิชาแกนหลัก และสอดแทรก ทักษะ แห่งศตวรรษที่ 21 เข้าไปในทุกวิชาแกนหลัก ดังนี้
ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21
-  ความรู้เกี่ยวกับโลก (Global Awareness)
-  ความรู้เกี่ยวกับการเงิน เศรษฐศาสตร์ ธุรกิจ และการเป็นผู้ประกอบการ (Financial, Economics, Business and Entrepreneurial Literacy)
-  ความรู้ด้านการเป็นพลเมืองที่ดี (Civic Literacy)
-  ความรู้ด้านสุขภาพ (Health Literacy)
-  ความรู้ด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental Literacy)
ทักษะของคนในศตวรรษที่ 21 ที่ทุกคนจะต้องเรียนรู้ตลอดชีวิต คือ การเรียนรู้3R x 7C
3R คือ Reading (อ่านออก), (W)Riting (เขียนได้), และ (A)Rithemetics (คิดเลขเป็น) 7C ได้แก่
-  Critical Thinking and Problem Solving (ทักษะด้านการคิดอย่างมี วิจารณญาณ และทักษะในการแก้ปัญหา) 
-  Creativity and Innovation (ทักษะด้านการสร้างสรรค์ และนวัตกรรม)
-  Cross-cultural Understanding (ทักษะด้านความเข้าใจความต่างวัฒนธรรม ต่าง กระบวนทัศน์)
-  Collaboration, Teamwork and Leadership (ทักษะด้านความร่วมมือ การ ท างานเป็นทีม และภาวะผู้นำ) 
-  Communications, Information, and Media Literacy (ทักษะด้านการสื่อสาร สารสนเทศ และรู้เท่าทันสื่อ) 
-  Computing and ICT Literacy (ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสาร)
-  Career and Learning Skills (ทักษะอาชีพ และทักษะการเรียนรู้)



ครูเพื่อศิษย์ต้องฝึกฝนตนเองให้มีทักษะในการเป็นผู้สอนงาน (Coaching)  และเป็นพี่เลี้ยง (Mentoring)  หรือ  คุณอำนวย (facilitator) ในการเรียนรู้แบบ PBL (Project – Based Learning)   ของศิษย์ ครูต้องเลิกเป็นผู้สอน ผันตัวเองมาเป็นโค้ชหรือพี่เลี้ยง  ของการเรียนของศิษย์ที่ส่วนใหญ่เรียนแบบ PBL


Coaching


                 Coaching
-   ช่วงระยะเวลาสั้นๆ
-   กำหนดเป้าหมายเล็กๆ
-    เรียนรู้ร่วมกัน
-   ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญ
-    ให้ทางเลือก / คำแนะนำ
                                Mentoring
-     ความสัมพันธ์ระยะยาว
-     มีเป้าหมายใหญ่
-     ระบบพี่ใหญ่ดูแลน้องเล็ก
-     เป็นผู้เชี่ยวชาญมีประสบการณ์
-     ให้ความรู้ช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง
            
                                       

                                       เครื่องมือที่ใช้ในการ Coaching & Mentoring

  บันได ขั้น (5L) สู่การพัฒนาผู้เรียน              



ในกระบวนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้บรรลุผลตามที่คาดหวังนั้น   มีมากมายหลายวิธี กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบบันได ขั้นก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่น่าสนใจ  ที่ครูสามารถนำไปปรับใช้ในกระบวนการจัดการเรียนรู้ตามบริบทและธรรมชาติของวิชา โดยเฉพาะการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
บันได ขั้น (5L) สู่การพัฒนาผู้เรียน ได้แก่
             ขั้น   L1  การตั้งประเด็นคำถาม/สมมติฐาน (Learning to Question) เป็นการฝึกให้ผู้เรียนรู้จักคิด สังเกต ตั้งข้อสงสัย ตั้งคำถามอย่างมีเหตุผลและสร้างสรรค์
              ขั้น  L2  การสืบค้นความรู้จากแหล่งเรียนรู้และสารสนเทศ (Learning to Search) เป็นการฝึกแสวงหาความรู้ ข้อมูล และสารสนเทศ จากแหล่งเรียนรู้อย่างหลากหลาย เช่น ห้องสมุด อินเตอร์เน็ต หรือจากการปฏิบัติทดลอง เป็นต้น
              ขั้น  L3  การสรุปองค์ความรู้ (Learning to Construct) เป็นการฝึกนำความรู้และสารสนเทศหรือข้อมูลที่ได้จากการอภิปราย การทดลอง มาคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ และสรุปเป็นองค์ความรู้
              ขั้น  L4  การสื่อสารและการนำเสนออย่างมีประสิทธิภาพ (Learning to Communicate) เป็นการฝึกให้ความรู้ที่ได้มานำเสนอและสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพให้เกิดความเข้าใจ
              ขั้น  L5  การบริการสังคมและจิตสาธารณะ (Learning to Serve) เป็นการนำความรู้สู่การปฏิบัติ ซึ่งผู้เรียนจะต้องมีความรู้ในบริบทรอบตัวและบริบทโลกตามวุฒิภาวะที่เหมาะสม โดยจะนำองค์ความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างสร้างสรรค์
                                                      
                                                              ศักยภาพทักษะผู้เรียนยุคใหม่


การประยุกต์การสอน IS ในโรงเรียนมาตรฐานสากลกับขั้นตอนการสอนด้วยบันได ขั้น (QSCCS)
พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นเพื่อปรับตนเองในปัจจุบันให้พร้อมรับกับสิ่งที่จะตามมาในอนาคต
1.  มนุษย์มีรูปแบบการเรียนรู้ที่ต่างกัน  ผู้สอนจึงใช้วิธีที่หลากหลาย
2.  ผู้เรียนควรเป็นผู้กำหนดองค์ความรู้ของตน  ไม่ใช่นำความรู้ไปใส่สมองผู้เรียน  แล้วให้ผู้เรียนดำเนินรอยตามผู้สอน
3.  โลกยุคใหม่ต้องการผู้เรียนซึ่งมีวินัย  มีพฤติกรรมที่รู้จักยืดหยุ่นหรือปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสม
4.   เนื่องจากข้อมูลข่าวสารในโลกจะทวีเพิ่มขึ้นเป็น เท่า ทุกๆ 10 ปี โรงเรียนจึงต้องใช้วิธีสอนที่หลากหลาย  โดยให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ในรูปแบบต่างๆกัน
5.   ให้ใช้กฎเหล็กของการศึกษาที่ว่า “ระบบที่เข้มงวด”  และ  “ระบบที่ยืดหยุ่นก็จะผลิตคนที่รู้จักการยืดหยุ่น”
6.    สังคมหรือชุมชนที่มั่งคั่ง  รอยข่าวสาร  ทำให้การเรียนรู้สามารถเกิดได้หลายๆที่
7.    เรียนรู้แบบเจาะลึก (deep learning)  มีความจำเป็นมากกว่าการเรียนรู้แบบผิวเผิน  งานที่จะนำมาต่อคือ  (Based Learning
8.    การสอนมีประสิทธิภาพ  ต้องการครูที่มีคุณสมบัติมากกว่าการเป็นผู้นำหน้าที่สอน
9.    การศึกษาเล่าเรียนในโรงเรียนกับการศึกษาอาจไม่ใช่เรื่องเดียวกัน

10. โลกอนาคตจะให้ความสำคัญกับการจัดการศึกษาที่บ้าน  (Home – Based Education)